
การออกแบบร้านเสริมสวยให้ผ่านมาตรฐานสาธารณสุขมีข้อกำหนดหลักที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ร้านมีความสะอาด ปลอดภัย และเหมาะสมกับการให้บริการลูกค้า ต่อไปนี้เป็นแนวทางการออกแบบร้านเสริมสวย ที่สอดคล้องกับมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
1. สถานที่และโครงสร้างการออกแบบร้านเสริมสวย

พื้นที่ต้องสะอาดและถูกสุขลักษณะ
มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด
พื้นและผนังต้องทำความสะอาดง่าย เช่น กระเบื้อง หรือวัสดุป้องกันเชื้อรา
แสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป
มีการระบายอากาศที่ดี เช่น หน้าต่าง หรือเครื่องดูดอากาศ
แยกโซนอย่างชัดเจน
โซนตัดผม โซนทำเล็บ โซนทำสปา ควรแยกจากกัน
ถ้ามีบริการเสริมความงามที่ใช้สารเคมี เช่น ทำสีผม ควรมีพื้นที่เฉพาะและมีระบบระบายอากาศ
ห้องน้ำต้องสะอาดและเพียงพอ
ควรมี ห้องน้ำแยกสำหรับลูกค้าและพนักงาน
ติดตั้งอ่างล้างมือพร้อมสบู่ฆ่าเชื้อ
2. สุขอนามัยและความปลอดภัย

การทำความสะอาดอุปกรณ์
หวี กรรไกร มีดโกน ที่หนีบผม ต้อง ล้างและฆ่าเชื้อหลังใช้งานทุกครั้ง
มีที่เก็บอุปกรณ์อย่างเป็นระเบียบ ป้องกันฝุ่นและเชื้อโรค
อุปกรณ์ที่ใช้สัมผัสลูกค้าต้องมีการเปลี่ยนหรือทำความสะอาด เช่น ผ้าคลุม ไม้พายทาครีม ฟองน้ำแต่งหน้า
เครื่องอบไอน้ำ เครื่องไดร์ผม ต้องอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย ไม่มีสายไฟชำรุด
มีถังขยะฝาปิดสำหรับทิ้งขยะ เช่น เส้นผม สำลี กระดาษทิชชู่
การกำจัดขยะมูลฝอย
มีถังขยะแยกประเภท ขยะทั่วไป และ ขยะติดเชื้อ (เช่น ใบมีดโกน สำลีเปื้อนสารเคมี)
มีการกำจัดขยะเป็นประจำ
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องปลอดภัย
เครื่องสำอาง น้ำยาทำผม ต้องมี เลขที่จดแจ้ง อย.
ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์หมดอายุ หรือไม่มีฉลากกำกับ
ความปลอดภัย
มีอุปกรณ์ดับเพลิงติดตั้งไว้ในจุดที่เข้าถึงง่าย
สายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย ไม่มีสายไฟชำรุด
ควรมีทางหนีไฟหรือทางออกฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
กฎหมายและใบอนุญาต
กฎหมายและข้อกำหนดหลักที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559
กำหนดให้ร้านเสริมสวยที่ให้บริการเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย
ร้านที่ให้บริการนวดเพื่อสุขภาพ อาจต้องขอใบอนุญาตตามกฎหมายนี้
พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา 33: กำหนดให้ร้านเสริมสวยเป็น "กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ" และต้องควบคุมด้านสุขอนามัย
มาตรา 34: ร้านต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านสุขาภิบาล เช่น การจัดการน้ำเสีย การระบายอากาศ และความสะอาดของสถานที่
กฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือหลักเกณฑ์ของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561
กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการออกแบบร้าน อุปกรณ์ และการดำเนินงานของร้านเสริมสวย เช่น
ต้องมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้งาน
มีการจัดการขยะติดเชื้อ เช่น ใบมีดโกน หรือสำลีที่ใช้สารเคมี
มีห้องน้ำที่สะอาดเพียงพอ
ต้องแยกโซนบริการอย่างเหมาะสม
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
ห้ามโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามและบริการเสริมสวย
ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ในร้าน
กฎหมายแรงงานและความปลอดภัย
พนักงานต้องมีสัญญาจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน
ร้านต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน (เช่น สวมถุงมือ หน้ากากป้องกันสารเคมี)
กฎหมายเกี่ยวกับภาษีและการจดทะเบียนธุรกิจ
หากร้านเสริมสวยมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ธุรกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ใบอนุญาตและการจดทะเบียนที่เกี่ยวข้อง
ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ขออนุญาตที่สำนักงานเขต หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต. / เทศบาล)
ใบรับรองมาตรฐานสุขอนามัย
ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น
ทะเบียนพาณิชย์ (กรณีจดทะเบียนธุรกิจ)
หากเป็นธุรกิจส่วนตัว ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
หากเป็นนิติบุคคล ต้องจดทะเบียนบริษัท
ใบอนุญาตแรงงาน (กรณีจ้างพนักงานต่างชาติ)
ต้องขอใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายแรงงาน
ใบรับรองการอบรมวิชาชีพเสริมสวย (ถ้ามี)
พนักงานควรผ่านการอบรมจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง
บทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม
ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสุขอนามัย ปรับไม่เกิน 10,000 บาท (หรือมากกว่าตามดุลพินิจเจ้าหน้าที่)
โฆษณาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ปรับสูงสุด 500,000 บาท และอาจถูกดำเนินคดีอาญา
ไม่จ่ายภาษีหรือจดทะเบียนพาณิชย์ โดนค่าปรับและอาจถูกดำเนินคดีทางภาษี
4.บุคลากรและการบริการ

ช่างต้องมีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง
มีใบรับรองหรือผ่านการอบรมด้านเสริมสวยจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ
ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย เช่น ใส่หน้ากาก ถุงมือ (สำหรับบริการบางประเภท)
มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม ให้บริการอย่างสุภาพ
มีการสอบถามและแนะนำลูกค้าก่อนเริ่มบริการ เช่น สภาพเส้นผม สภาพเล็บ
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม ผิวพรรณ หรือเล็บหลังจากรับบริการ
5. การออกแบบให้ดึงดูดลูกค้า

สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
ใช้โทนสีที่สบายตา เช่น สีพาสเทล สีเอิร์ธโทน
มีดนตรีเบา ๆ เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย
มีพื้นที่รอสำหรับลูกค้า
มีเก้าอี้นั่งสบาย พร้อมน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มต้อนรับ
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานง่ายและดูแลรักษาง่าย
ใช้วัสดุที่ทนทาน และทำความสะอาดง่าย
การเปิดร้านเสริมสวยไม่ใช่แค่เรื่องของฝีมือ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสาธารณสุข หากไม่ทำตาม อาจถูกปรับหรือปิดร้านได้ ดังนั้น ควรเตรียมความพร้อมเรื่องเอกสาร กฎระเบียบ และมาตรฐานความปลอดภัยให้ครบถ้วน
Commentaires