top of page

5 แนวทางการออกแบบร้านเสริมสวยให้ผ่านมาตรฐานสาธารณสุข

รูปภาพนักเขียน: Decco developDecco develop

5 แนวทางออกแบบร้านเสริมสวย

การออกแบบร้านเสริมสวยให้ผ่านมาตรฐานสาธารณสุขมีข้อกำหนดหลักที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ร้านมีความสะอาด ปลอดภัย และเหมาะสมกับการให้บริการลูกค้า ต่อไปนี้เป็นแนวทางการออกแบบร้านเสริมสวย ที่สอดคล้องกับมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข

1. สถานที่และโครงสร้างการออกแบบร้านเสริมสวย


การจัดสรรพื้นที่ในร้านเสริมสวย

พื้นที่ต้องสะอาดและถูกสุขลักษณะ

  • มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด

  • พื้นและผนังต้องทำความสะอาดง่าย เช่น กระเบื้อง หรือวัสดุป้องกันเชื้อรา

  • แสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป

  • มีการระบายอากาศที่ดี เช่น หน้าต่าง หรือเครื่องดูดอากาศ


แยกโซนอย่างชัดเจน

  • โซนตัดผม โซนทำเล็บ โซนทำสปา ควรแยกจากกัน

  • ถ้ามีบริการเสริมความงามที่ใช้สารเคมี เช่น ทำสีผม ควรมีพื้นที่เฉพาะและมีระบบระบายอากาศ


ห้องน้ำต้องสะอาดและเพียงพอ

  • ควรมี ห้องน้ำแยกสำหรับลูกค้าและพนักงาน

  • ติดตั้งอ่างล้างมือพร้อมสบู่ฆ่าเชื้อ


2. สุขอนามัยและความปลอดภัย


สุขอนามัยในร้านเสริมสวย

การทำความสะอาดอุปกรณ์

  • หวี กรรไกร มีดโกน ที่หนีบผม ต้อง ล้างและฆ่าเชื้อหลังใช้งานทุกครั้ง

  • มีที่เก็บอุปกรณ์อย่างเป็นระเบียบ ป้องกันฝุ่นและเชื้อโรค

  • อุปกรณ์ที่ใช้สัมผัสลูกค้าต้องมีการเปลี่ยนหรือทำความสะอาด เช่น ผ้าคลุม ไม้พายทาครีม ฟองน้ำแต่งหน้า

  • เครื่องอบไอน้ำ เครื่องไดร์ผม ต้องอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย ไม่มีสายไฟชำรุด

  • มีถังขยะฝาปิดสำหรับทิ้งขยะ เช่น เส้นผม สำลี กระดาษทิชชู่


การกำจัดขยะมูลฝอย

  • มีถังขยะแยกประเภท ขยะทั่วไป และ ขยะติดเชื้อ (เช่น ใบมีดโกน สำลีเปื้อนสารเคมี)

  • มีการกำจัดขยะเป็นประจำ


ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องปลอดภัย

  • เครื่องสำอาง น้ำยาทำผม ต้องมี เลขที่จดแจ้ง อย.

  • ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์หมดอายุ หรือไม่มีฉลากกำกับ


ความปลอดภัย

  • มีอุปกรณ์ดับเพลิงติดตั้งไว้ในจุดที่เข้าถึงง่าย

  • สายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย ไม่มีสายไฟชำรุด

  • ควรมีทางหนีไฟหรือทางออกฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติเหตุ


  1. กฎหมายและใบอนุญาต

กฎหมายและข้อกำหนดหลักที่เกี่ยวข้อง

พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559

  • กำหนดให้ร้านเสริมสวยที่ให้บริการเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย

  • ร้านที่ให้บริการนวดเพื่อสุขภาพ อาจต้องขอใบอนุญาตตามกฎหมายนี้

พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

  • มาตรา 33: กำหนดให้ร้านเสริมสวยเป็น "กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ" และต้องควบคุมด้านสุขอนามัย

  • มาตรา 34: ร้านต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านสุขาภิบาล เช่น การจัดการน้ำเสีย การระบายอากาศ และความสะอาดของสถานที่

กฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือหลักเกณฑ์ของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561

กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการออกแบบร้าน อุปกรณ์ และการดำเนินงานของร้านเสริมสวย เช่น

  • ต้องมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้งาน

  • มีการจัดการขยะติดเชื้อ เช่น ใบมีดโกน หรือสำลีที่ใช้สารเคมี

  • มีห้องน้ำที่สะอาดเพียงพอ

  • ต้องแยกโซนบริการอย่างเหมาะสม


พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

  • ห้ามโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามและบริการเสริมสวย

  • ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ในร้าน


กฎหมายแรงงานและความปลอดภัย

  • พนักงานต้องมีสัญญาจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน

  • ร้านต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน (เช่น สวมถุงมือ หน้ากากป้องกันสารเคมี)


กฎหมายเกี่ยวกับภาษีและการจดทะเบียนธุรกิจ

  • หากร้านเสริมสวยมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

  • ธุรกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า


ใบอนุญาตและการจดทะเบียนที่เกี่ยวข้อง

  • ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ขออนุญาตที่สำนักงานเขต หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต. / เทศบาล)

  • ใบรับรองมาตรฐานสุขอนามัย

ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น

  • ทะเบียนพาณิชย์ (กรณีจดทะเบียนธุรกิจ)

    • หากเป็นธุรกิจส่วนตัว ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

    • หากเป็นนิติบุคคล ต้องจดทะเบียนบริษัท

  • ใบอนุญาตแรงงาน (กรณีจ้างพนักงานต่างชาติ)

ต้องขอใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายแรงงาน

  • ใบรับรองการอบรมวิชาชีพเสริมสวย (ถ้ามี)

พนักงานควรผ่านการอบรมจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง


บทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม

  • ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

  • ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสุขอนามัย ปรับไม่เกิน 10,000 บาท (หรือมากกว่าตามดุลพินิจเจ้าหน้าที่)

  • โฆษณาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ปรับสูงสุด 500,000 บาท และอาจถูกดำเนินคดีอาญา

  • ไม่จ่ายภาษีหรือจดทะเบียนพาณิชย์ โดนค่าปรับและอาจถูกดำเนินคดีทางภาษี


4.บุคลากรและการบริการ


บุคลากรด้านการบริการร้านเสริมสวย

  • ช่างต้องมีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง

  • มีใบรับรองหรือผ่านการอบรมด้านเสริมสวยจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ

  • ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย เช่น ใส่หน้ากาก ถุงมือ (สำหรับบริการบางประเภท)

  • มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม ให้บริการอย่างสุภาพ

  • มีการสอบถามและแนะนำลูกค้าก่อนเริ่มบริการ เช่น สภาพเส้นผม สภาพเล็บ

  • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม ผิวพรรณ หรือเล็บหลังจากรับบริการ


5. การออกแบบให้ดึงดูดลูกค้า


การอออกแบบร้านเสริมสวย

สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

  • ใช้โทนสีที่สบายตา เช่น สีพาสเทล สีเอิร์ธโทน

  • มีดนตรีเบา ๆ เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย

 มีพื้นที่รอสำหรับลูกค้า

มีเก้าอี้นั่งสบาย พร้อมน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มต้อนรับ


 เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานง่ายและดูแลรักษาง่าย

ใช้วัสดุที่ทนทาน และทำความสะอาดง่าย


การเปิดร้านเสริมสวยไม่ใช่แค่เรื่องของฝีมือ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสาธารณสุข หากไม่ทำตาม อาจถูกปรับหรือปิดร้านได้ ดังนั้น ควรเตรียมความพร้อมเรื่องเอกสาร กฎระเบียบ และมาตรฐานความปลอดภัยให้ครบถ้วน


Commentaires


bottom of page